อสุรินทร์ (๗๙๐)

อสุรราช
น. อ้างด้วย กับท้าวเวปจิตติ จอมเทพ ฉะนี้ จงได้เข้าใจตลอดว่า เป็นชื่อท้าวเวสวัณ หรือไม่ ถึงจะเรียกว่าอสุรินทราช ไปก็ได้ พอเป็นลำดับมา ด้วยเผ่าเทพอินทะ ด้วยกัน, ค้นว่า อสุรา ว่าอสุรินทร์ อสุรินทราช เป็นแต่อธิบาย ศัพท์คำว่า อสูร อยู่หน่อยเดียวเท่านั้น เฉพาะในนี้ ไม่พบ เพื่อจะให้คนรู้สักหน่อยว่า เป็นอินทะ! อยู่ทั้งหมด พวกไหน พวกไหน?, อธิบายไปแล้ว แต่จะขอแจ้งอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะให้ชัดกว่าเก่าสักหน่อย เพื่อพอดีว่า จะผนวกคำอธิบาย อันใดน่าครึ้มฝอย ผนวกเข้าเป็นกำลังใจอย่างเดียวกัน ก็น่าที่จะเอาไว้ด้วย, แล เกลี่ยทางจะไปเข้าใจด้วยนั้น พร้อม ๆ กันนี้ เพราะว่ายังไม่ได้เคยอธิบายออกไปไว้ที่ไหน, ว่าท้าวเวปจิตติ ก็คือ อินทะ?! พวกใด คนฟังอยากค้าน ฟังแล้วจงหวนออกค้นดูสักหน่อยก่อนเถอะ ก่อนจะฝากความค้างคาใจ ความอ้างอยู่ในความหมาย จะเอาไว้เถียง ก็จงอย่าเพิ่งเถียง, เมื่อ สมัญญา ว่า อสุรราช อสุรินทราช ฉะนี้ ฟังแล้วก็ควรจะเห็นพอกันนักว่า ท้าวกุเวร เวสวัณ กับท้าวเวปจิตติ ควรจะเป็นเทพดาองค์เดียวกัน ได้ เพราะที่แท้จะต้องทำความหมายโยง เข้าใจด้วยว่า คำว่า อสุระนั้น เป็นพวกเทพดา ไม่ดื่มสุรา ไม่กินเหล้า, แลถ้าต้องเกณฑ์ ว่า องค์ท้าวเวปจิตติ เป็นอินทาไม่กินเหล้า ก็ควรจะให้ได้เป็นหัวหน้า กุมกำลังพลกองทัพกระบองวิเศษฉะนั้น เฉพาะว่าวุฒิพฤกษา อันยาก อันชื่อนั้น สมควร ก็จะต้องนำกำลังไปปราบสิ่งจำพวกรกชัฏ ให้ราบเตียน ฉะนั้นจึงต้องอธิบายไว้อีก ทั้งยังยกความเก่ามาด้วย ว่าพร้อม ๆ กัน, ลงเป็นแต่เครื่องพิจารณา โดยไม่ต้องให้กำหนด การสรุปบท ว่าองค์นั้น องค์นี้ ทั้งหมดนั้น ไม่ต้องเกณฑ์ด้วยองค์อินทะ ทั้งที่จริง เป็นทั้งหมดอยู่แล้ว
อสุรราช
คำว่า อสุรินทะ พบในนิราศหนองคาย
“...หลักพระนคร อิกทินกรจันทรา ภูมเทวาพุทธโสระ คุรุหาอสุรินทะยิ่งยง สุกรทรงสุริยรังสี พระเกษบดีอุดมเดช...” (อ้าง3)
อสุรินทร์ ตามอธิบาย
น. คำนาม ชื่อนามสำคัญ ชื่ออินทาเทวะ ทั้งหมดนั่นเอง แต่เรียกกันเป็นพวก ๆ อันที่จะเวียนไปตลอดถึง ๔ ทิศในโลก ซึ่งต้องสมมุติและเปรียบเท่านั้น ว่า เป็นทิพยโลก คือเทพดาทั้งปวง เป็นไป นั่นเอง, อสุรินทร์ จึงเป็นชื่อนาม ความเป็นมาแต่พระมนูแล้ว ศากยะโคตรนั้น มีทิพย์เป็นศักยะของเจ้าทั้ง ๔ ทิศ ชื่อหนึ่งว่า “อสุรินทร์” (อ้าง1)
การใช้งาน 
คำว่า พระอสุรินทรา ฉะนั้น ดังนี้ ควรจะกล่าวให้ลึกได้ และเพราะข้อมูลนั้น หาอ่านได้ทั่วถึงยิ่งขึ้นแล้ว ว่า อสุรา คือ อสูร นั้น มีพวกดีอยู่พวกหนึ่ง ลือกันว่า จะถึงดีมากกว่าอินทร์ ตลอด ๙๑ องค์ ในตลอดทิศหนึ่งนั้นก็ได้ เพราะคำว่า จอมอสุรา ดั่งนี้ แปลว่า ไม่ดื่มสุรา มีสติมากกว่าทุกองค์ เป็นแต่แดนตลอดมา หมุนวนไว้ด้วยท้าวเวปจิตติ (เวฺเปฺวจิตติ) คืออสุรราช ฉะนั้น ฟังความแล้วท่านเองก็ควรจะเห็นว่าคือท้าวเวสวัณ นั่นแหละ อันประดาพวกทู่ซี้ ก็ให้ชี้บทไปต่าง ๆ ให้มากเป็นอเนก ทั้ง ดี แลชั่ว จนอาจไม่รู้การสรุป ว่าอะไรเป็นอเนกคุณหรืออะไรเป็นโทษ, จนเกี่ยงว่าจะเป็นทั้งหมด ไปทั่วไปหมด เพราะพอแค่ว่าใครคนไหนเลื่อมใสอยู่ในท้าวเธอ อันผู้มีหน้าที่อยู่อย่างนั้น ใครคนนั้น ค้นความฟังไม่เข้ากันแลกัน จะพูดตามมติส่วนของสารูปไปตามทางของผู้อื่นกล่าวไว้บ้าง จึงไม่ถึงสนิทนัก, แต่ความว่าที่แท้แล้ว หากนับไปเก่า ๆ ถึงแต่องค์พระมนู ย่อความถึงสั้นลงที่สุด แล้วย่อมจะต้องมี อสุรินทราทิตย์ องค์หนึ่ง คุมพละกำลังซึ่งพระคฑาวุทธิพฤกษาเกณฑ์ อยู่องค์หนึ่งเป็นแท้ ฉะนั้น จำพวกอย่างนี้ต้องเป็นคนคุมโทษ จำจะต้องเป็นคนไม่กินเหล้า คือต้องเอาเป็นเหล่าอินทร์ องค์อินทะ ในทิศาภาคหนึ่ง เป็นอินทร์ทั้ง ๙๑ องค์นั้น รวมทั้งจอมอินทร์ เป็นชื่อที่สมควรเรียกว่า พระอสุรินทร์ คือแปลว่า เป็นอินทาเทวะ เทพะดา ผู้ที่ไม่ต้องด้วยรสและฤทธิ์ของสุรา นั่นเอง, มีแต่ว่า มีเทวะเทพดาทิพย์ ผู้คุม พละกำลังซึ่งพระทุสสาวุทธิพฤกษาเกณฑ์ อยู่อีกองค์หนึ่ง ว่าเป็นยักษ์ ชื่อว่าอาฬวกยักษ์ ความเป็นหัวหน้า อันนี้ ถึงจะต้องว่า เป็น “สุรยักษ์” ไม่ใช่อสุรยักษ์ อย่างอินทะเทพดา จำพวกหนึ่งนั้น ที่ซึ่งจะต้องห้ามกินเหล้า, แลคำว่า อินท์ หรืออินทร์ นั้นกว้าง อย่าว่าแต่เป็นเทพเลย เพราะความหมายในชั้นแรก ๆ นั้น ก็ควรหมายถึงพระมนูด้วย และหมายถึง มนุสะ ชื่อพวกมนุษย์พวกนั้น ๆ พวกนี้ หลายแบบ แต่เป็นจำพวกที่ว่ากล่าวเฉพาะแก่ความดีได้ จึงว่ากล่าวแก่ความเป็นทิพยะนั้น ให้เป็นไปโดยตลอด เป็นต้น
ความที่มา 
ที่แท้จริงจะอ้างอิงไว้นั้น หาอ่านได้มาก แต่ครั้งจะฟังอธิบายแต่ข้างทางปลายแล้ว คนที่ต้องการสารูป ความสรุป จะพาลสับสน ทุกแห่ง หาว่าใครเป็นใคร อันว่า อินทราทิตย์ ผู้ธำรงเป็นศรีอินทราทิตย์ ตลอดมาเป็นแดนถึงโดยความตลอดศากยะโคตร คือ คงความมีศักยะแห่งทิพยะสมมุติ นั้น ๆ องค์ผู้เปล่งพละกำลังซึ่งพระวชิราวุทธิพฤกษาเกณฑ์ เป็นผู้คุมความประลัยกัลป์ในโลกไว้ ไว้ด้วยมหาอาวุธ ดังนี้ คือพระวชิราวุธ ๑ พระคทาวุธ ๑ พระทุสสาวุธ ๑ พระนัยนาวุธ ๑, ความพอเป็นอนุมานแล้ว ตามพระไตรปิฏิกาจารย์เราแล้วนั้น ท่านบันทึกอรรถะบรรยายไว้ว่า เป็น อธิบายความเป็นซึ่งอาวุธศักดิ์ศรีเท่ากัน คือคงแน่วในความมหาประลัยวินาศสันตะโรเท่ากัน มีพลังอานุภาพแล้วที่สุด ในโลก ที่อาจว่ากล่าวด้วยสมมุติกันไว้ตามพละกำลังของอาวุธ, หากออกความคิดไปตามมตินี้ จนพบแต่ความเข้าใจ แล้ว ย่อมจะเห็นว่า มียักษ์อันธำรงทิพย์แก่ประลัยกัลป์นั้น ๒ พวก ตามจำพวกของอินทะทั้งหมด ๙๑ ในทุก ๆ หนึ่ง ใน ๔ ทิศ เป็นชื่อ และจำนวนในพระคัมภีร์ ตามกถาอธิบายมา เรา, ท่านจึงอาจ ว่า ต้องควรเห็นว่า เป็นยักษ์มีกระบองพวก ๑, เป็นยักษ์มีผ้าอเนกประสงค์พวก ๑, เป็นยมเทพราชมีกล้องส่องตาวิเศษพวก ๑, และมีพระภาคัฑฒะสิริ เป็นพระวชิราวุธ เป็นอันรวมทั้งหมดกำลังของจอมเทพนั้น อีก ๑ ดังนี้, แล้วถึงจะแลเห็นตลอดว่า คำว่า “อสุรินทร์” จะต้องหมายถึง เทพอินทร์วิญญา จำพวกที่ไม่ข้องเกี่ยว และไม่อาศัยรส และฤทธิ์ของสุรา ในการเข้ากระทำ ความซึ่งตนต้องประกาศแก่สันติสุข ให้ทั่วตลอด แก่ปฐพี ผืนโลก อันเป็นแต่ทิพยะ ใบนี้ (อ้างแล้วตามอธิบาย)
แหล่งอ้างอิง
บอกอธิบายความ บันทึกคำอ้างอย่างเดียว ตามคำท่านอ้างดีแล้ว ขออ้างตามทุกแห่ง (อ้าง2)

0 comments:

แสดงความคิดเห็น