พระพุทธศาสดา (๖๙๓)

พระพุทธศาสดา น. เป็นคำนามมีวิเศษ อันได้แก่ ชื่อพระตถาคตเอง ซึ่ง พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ด้วยพุทธบริษัท ที่ชื่อว่า “พระพุทธศาสดา” ก็คือ ชื่อนามมาจาก คำว่า “พุทธะ” แล้วนั้น แปลว่า อาทิเป็นผู้เดียว ของสัตว์ที่ได้ความเลิศล้ำทางสติปัญญาเป็นอาวุธ เป็นที่ ๑ ซึ่งหมายถึงพระพุทธเจ้า ผู้ที่ทรงเป็นผู้ตรัสรู้เอง เป็นผู้รู้ มีปรีชา แล้วทรงเป็นผู้ประทานญาณคุณธรรมคือความเห็นแจ้ง ให้แก่สัตว์ผู้มีดวงตาปราศจากธุลี, แล้วนั้น ชื่อว่า “พระพุทธเจ้า” คือ เป็นผู้ที่ตรัสรู้ธรรม เสด็จไปดี ด้วยความสิ้นอาสวะกิเลส, ชื่อพุทธะ เพราะเบิกบานแล้ว ด้วยการฝึกฝน เป็นชื่อนามอณูวิญญา ของสัตว์ทุกชนิดทุกอย่างผู้รู้การฝึกได้ด้วย อันมีความหมายใหญ่หลวง ไปทางคุณธรรม คือ “โพธิ”, อีกประการนั้น ว่า เป็นชื่อของวิสุทธิเทพ ผู้สิ้นกิเลส เพราะตรัสรู้เอง ในขณะที่ยังไม่อาจจะได้เป็นพระศาสดาของศาสนา เรียกว่า พระปัจเจกพุทธเจ้า, การที่มีชื่อว่า พระพุทธเจ้า ไม่ใช่เป็นพระนามที่ตั้งเอง แต่จะเรียกได้ และเป็นพระนามที่เกิดได้ นั้นก็เพราะด้วยการตรัสรู้ เมื่อได้เป็นพระพุทธเจ้า เจริญด้วยพุทธบริษัท จึงให้เรียกว่า พระพุทธศาสดา., อีกชื่อหนึ่ง นั้น ควรว่าแก่ พระปฏิมากร องค์ซึ่งเป็นพระประธานวัดโพธิ์
ตัวอย่างการใช้งาน : คำกล่าวในการฉลองวิหาร ดังนี้ “ชื่อว่า การบริจาคทรัพย์ ในพระพุทธศาสดา ของหญิงอื่นเหมือนนางวิสาขา ผู้ดำรงอยู่ในอัตตภาพแห่งมาตุคาม มิได้มี.” (จาก พระไตรปิฎก) หรืออาจจะว่า “เมื่อพระพุทธศาสดาเสด็จสู่วิสุทธิ์ แสดงความให้ปรากฏมาซึ่งมหาปรินิพพานแล้ว เป็นอันว่า สัตว์ทั้งหลาย ในโลก จะต้องธำรงพระศาสนากันเอง ให้เป็นด้วยพุทธบริษัท ทั้ง ๔ ในแต่ละเหล่า ๆ ในแต่ละบุคคล ๆ” ใครจะว่าไว้ในประโยคอย่างนี้ ก็ได้
ที่มา : ทุกท่าน ผู้ใดแลเห็นวิญญาของตน เป็นดุจดั่งวิญญาณของวิญญู อันชนซึ่ง ได้มาถึงพรตตปะในตนแล้ว ผู้นั้น จงหาแปลดูเถิด ตามความหมายคำว่า “พระพุทธเจ้า” หรือ “พระพุทธศาสดาเจ้า” คำหนึ่ง เท่านี้นั้น แต่ครั้งเป็นความหมายแล้ว ฉะนั้น ลึกล้ำ ลึกซึ้งอย่างยิ่ง จะให้ตนคนใด ถึงมีมากสักหมื่นชีวิต ให้ตนได้หาความหมายได้ครบ ก็อาจเป็นไปไม่ได้เลย

0 comments:

แสดงความคิดเห็น